เรื่องผลของการใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่างกัน
31. ฮารตินี เล๊ะสิ (2552) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ทำการวิจัยเรื่องผลของการใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่างกัน กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน
120 คน ผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองมีความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษสูง มีความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
และไม่มีกิริยาร่วมระหว่างวิธีการสอนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษโดยที่
ฮารตินี เล๊ะสิ (2552). ผลของการใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่างกัน. วิทยานิพนธ์ศศ.ม. (จิตวิทยาการศึกษา). ปัตตานี : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ผศ.ดร.อริยา คูหา.
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเข้าใจในการอ่านวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนโดยใช้การเรียนรู้ด้วยตนเอง และการสอนแบบปกติที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่างกัน ตลอดจนศึกษากิริยาร่วมระหว่างวิธีการสอน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนดรุนศาสน์วิทยา ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบ 2 ขั้นตอน กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 120 คน สุ่มออกเป็น 2กลุ่ม โดยกลุ่มทดลองมีจำนวน 60 คน ได้รับการสอนด้วยวิธีสอนแบบปกติ โดยใช้เวลา 10 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 คาบ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่ใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองและการสอนแบบปกติ จำนวน 1แผน 2) แผนการจัดการเรียนรู้การสอนโดยใช้การเรียนรู้ด้วยตนเอง จำนวน 4 แผน 3) แผนการจัดการเรียนรู้การสอนแบบปกติ จำนวน 4 แผน 4) แบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น .86 เมื่อสิ้นสุดการทดลองกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดทดสอบเพื่อวัดความเข้าใจในการอ่านวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบสุ่มในบล็อกทั่วไป ผลการวิจัยพบว่า
1) นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองมีความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
2) นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษสูง มีความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3) ไม่มีกิริยาร่วมระหว่างวิธีการสอนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษโดยที่