สร้างเด็กรักการอ่าน สานรักนิรันดร์
สร้างเด็กรักการอ่าน สานรักนิรันดร์
ผลการศึกษาของนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เจมส์ แฮคแมน พบว่า การลงทุนในกลุ่มเด็กปฐมวัย 1 หน่วย สามารถสร้างผลตอบแทนกลับสู่ทั้งเด็กและสังคมถึง 7 – 13 เท่า งานวิจัยจากทั่วโลกยังพบอีกว่า การกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาของเด็กในช่วง 6 ปีจะช่วยให้สมองเติบสูงสุดถึงร้อยละ 80
การรุกทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่านทั่วประเทศมากว่า 9 ปี แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านพบว่า การอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยกระตุ้น ส่งเสริมพัฒนาการเด็กจนได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์
ในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา สำนักงานเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ปาร์คนายเลิศ และแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. จึงร่วมกันจัดงาน “สานรัก ผูกพัน นิจนิรันดร์” เพื่อคู่รักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรักได้เห็นถึงความสำคัญในการสร้างครอบครัวคุณภาพ ครอบครัวที่อบอุ่น ด้วยการส่งเสริมพัฒนาการของลูกด้วยการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
บรรยากาศในวันงานอบอุ่น ตราตรึง ทั้งความร่มรื่น ชื่นเย็นที่รายล้อมด้วยแมกไม้ใหญ่ในปาร์คนายเลิศ คลอด้วยเสียงคีตบรรเลงเพลงกล่อมรัก มุมนักวาดภาพคู่รักฉบับการ์ตูน โดยนักการ์ตูนชั้นนำของเมืองไทย เสียงหัวเราะจากความสนุกของเด็กๆ ในกิจกรรมคลินิกฝึกอ่านหนังสือให้เจ้าตัวเล็ก และ DIY Lucky Love Book หนังสือทำมือแสนรักในห้องเรียนเขียนการ์ตูน
พินิต อารยะศิลปะธรผู้อำนวยการสำนักงานเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เล่าว่า ทางเขต ฯ ได้จัดงานร่วมกับ ปาร์คนายเลิศ จัดงานเป็นปีที่ 2 และครั้งนี้มีความพิเศษที่มีกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน จาก สสส. เพราะเชื่อว่าจะช่วยสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง อบอุ่น สร้างเด็กที่มีคุณภาพ
“การจดทะเบียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ถูกกฎหมาย สิ่งสำคัญของการครองคู่ การเริ่มต้นชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องการดูแล ใส่ใจกัน เราเห็นเหมือนกันว่า เด็กคืออนาคตของชาติ ในครอบครัว พ่อแม่ก็บอกว่า ลูกต้องตั้งใจเรียน เพราะความรู้คือวิชาติดตัว ตอนนี้ยิ่งให้เรียนกันเยอะ หลายภาษา แต่เด็กของเรารักการเรียนรู้จริงไหม ผมว่าเด็กของเราที่พอไม่เรียนก็เลิกอ่านเยอะเลย บ้านไหนที่มีลูกอ่านหนังสือ เพราะรักการอ่านจริง ๆ ผมว่าสบายใจได้ หายห่วง ตรงนี้เราเลยมาช่วยกัน”
ปิยบุตร พรหมมา ครูโรงเรียนสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร พานักเรียนมาร่วมกิจกรรมกว่า 40 ราย กล่าวว่า “การส่งเสริมเรื่องการอ่านในโรงเรียนมีอยู่แล้ว เราเน้นเรื่องการอ่านคล่อง เขียนคล่อง แต่ยอมรับว่า ถึงระดับชั้น ป.5 ยังมีนักเรียนหลายคนที่เพียง อ่านได้ เขียนได้ คือเขาไม่คล่อง ต้องใช้เวลานานในการคิด เพื่ออ่าน เพื่อเขียน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้สนุกแบบนี้ จึงเป็นการกระตุ้นการอ่านที่แอคทีพ เหมาะกับช่วงวัยของเขาครับ”
ด.ช.ฐิติวุฒิ สิงห์นิยม ชั้น ป.5 โรงเรียนสวนลุมพินีภาคภูมิใจกับหนังสือทำมือแสนรักของตนเองเป็นอย่างมาก กล่าวว่า “คือผมไม่แน่ใจว่า การสอนทำหนังสือจะช่วยการอ่านยังไง แต่ว่าพอสมุดเสร็จออกมาแล้วก็ชอบ แล้วผมก็อยากวาด อยากเขียนอะไรลงไป ถ้าทำให้ใหญ่ขึ้นอีก มันก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งจริงๆ อันนี้พอทำไปแล้วก็ตั้งใจทำให้เพื่อนครับ”ด.ช. ทักษ์ดนัย เชยโสภณ เพื่อนร่วมชั้นอีกคนเล่าว่า “กิจกรรมวันนี้สนุกดีครับ ที่โรงเรียนเคยมี คนข้างนอกเข้าไปจัด แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมี”
สร้างนิสัยรักอ่าน รอเมื่อโตก็สายเสียแล้ว
การส่งเสริมการอ่านโดยมุ่งเน้นไปที่บทบาทของโรงเรียน หรือรอจนกว่าเด็กอ่านได้ อาจล่าช้าเกินไป ในยุคที่เด็กสามารถเข้าถึงโทรศัพท์ มือถือและสื่ออิเล็กทรอนิกส์จนเสพติดได้อย่างง่ายดาย
“สถานการณ์ตอนนี้คือเด็กติดมือถือมาก สมาธิสั้น ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ขาดแรงจูงใจฯลฯ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำรวจพัฒนาการของเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) ทั่วประเทศ ทุก 3 ปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542- 2560 พบว่า เด็กไทย มีพัฒนาการล่าช้าทุกด้าน โดยล่าสุดปี 2560 ล่าช้าเฉลี่ยร้อยละ 23.60 เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่ค่าเฉลี่ยร้อยละ 5 – 15 เท่านั้น โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านภาษาล่าช้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการอื่นๆ ทุกด้าน วิธีการหนึ่งที่สามารถพัฒนาทักษะทางภาษาให้ดีขึ้น และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะด้านอื่นๆ อาทิ การสื่อสาร การพัฒนาด้านอารมณ์ สังคม สติปัญญา ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพอย่างรอบด้าน คือ การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ”
“เพียงอ่านหนังสือให้เด็กฟังวันละ 10-15 นาที จะช่วยพัฒนาเส้นใยสมองของเด็กได้ ข้อมูลเหล่านี้ยังเผยแพร่ไปได้ไม่มาก เราจึงอยากจะใช้โอกาสตรงนี้สื่อสารถึงครอบครัว สร้างลูกรักการอ่านได้ ไม่ต้องพึ่งใคร สร้างได้ที่ครอบครัว หนังสือดีๆ กินลึกอยู่ในใจ วันแห่งความรัก เราไม่เพียงให้แต่ดอกไม้ แต่ให้หนังสือได้ เรารณรงค์ในวัยหนุ่มสาวก็อาจช้าเกินไป สิ่งสำคัญคือครอบครัว ถ้าพ่อแม่เข้าใจตรงนี้ด้วยกัน ทำด้วยความเชื่อมั่น จะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน” สุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านกล่าวยืนยัน
ภัทรี และ ทรงพล สุวรรณแข สามี ภรรยาที่เดินทางมาจดทะเบียนสมรส กล่าวว่า รู้สึกดีที่งานวันนี้มีหลายหน่วยงานร่วมกันจัด โดยเฉพาะมีกิจกรรมเรื่องการอ่าน เพราะหากมีลูก เธอและสามีอยากให้ลูกเป็นนักอ่าน และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ เพราะทั้งคู่ก็รักการอ่านเหมือนกัน
“เราเป็นคนรักการอ่าน และสะสมหนังสือด้วย ที่หัวเตียงมีเยอะเป็นชั้นๆ เราตั้งใจเก็บไว้ให้ลูกอยู่แล้ว ถ้ามีลูก เราจะทำให้เขารักการอ่าน ทำได้แน่ ถ้าครอบครัวพาอ่าน ตอนเด็ก ๆ จำได้ว่า เรารักการอ่านเพราะพ่อกับแม่พาไปร้านหนังสือ เด็กทุกคนรักการอ่านได้ถ้าเราเป็นต้นแบบที่ดีให้เขาค่ะ”
ภัทรียังกล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีกิจกรรม กระตุ้นส่งเสริมการอ่านในกลุ่มเด็กวัยเล็กๆ ในห้องสมุด ที่ศูนย์เรียนรู้ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งเด็กยังไม่สามารถไปเองได้ หากผู้ปกครองไม่พาไป นับว่าเป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของลูกตามช่วงวัยไปอย่างน่าเสียดาย
อีกครอบครัวที่อุ้มลูกน้อยวัย 1 ปี 3 เดือน มาจดทะเบียน คือ อมร ยิ้มไทย และ ยุพิน มหาหิงษ์ กล่าวว่า “ผมชอบอ่านหนังสือ ที่บ้านมีการ์ตูนเยอะมาก แต่ยอมรับว่าก็อ่านน้อยลง แล้วใช้มือถือมาก ถ้าอีกหน่อยลูกเรียนรู้ไว แล้วอยู่กับเราตลอด เขาก็จะติดมือถือ ห่วงตรงนี้ครับ ก็ต้องระวัง ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในวันนี้นะครับ”
วันอันแสนอบอุ่น น่าจดจำทั้งสำหรับคู่รักและผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะ ‘ปาร์คนายเลิศ’ สถานที่แห่งความรัก ที่ต้นไม้ทุกต้นได้รับการดูแล เอาใจใส่ และส่งต่อมาถึงทายาทรุ่นที่ 4 เล็ก ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร
“ เราอยากให้ ปาร์คนายเลิศ เป็นสถานที่สามารถส่งต่อความสุขให้กับทุกคน เพราะเราเติบโตมาจากตรงนี้และมีความสุข”
“ เราเปิดห้องให้มีกิจกรรมส่งเสริมการอ่านโดยเฉพาะ เพราะอะไร เรามองย้อนกลับไป ครอบครัวให้ความรัก ให้ความสุข ให้ความรู้ ทำให้เราเติบโต มีอิสรภาพ เล็กชอบอ่านหนังสือแล้วโตมาจากสื่ออ่านที่เป็นกระดาษ ถึงทุกวันนี้ยังชอบอ่านจากกระดาษ อ่านหนังสือเล่มมากกว่า แล้วการอ่านทำให้เราชอบเขียน ตอนปิดโรงแรม ปาร์คนายเลิศ เล็กก็ใช้วิธีเขียนจดหมายบอกพนักงานทุกคน”
“เด็กรุ่นใหม่อ่านอย่างไร เขาคงมีหลายทางเลือก แต่เล็กอ่านหนังสือ เพราะกระดาษทำให้มีสมาธิ การได้จับหนังสือเล่มช่วยกระตุ้นผัสสะทั้ง 5 ของเรา เล็กคิดว่าการเห็นคุณค่าของสื่อเก่าแบบนี้มีส่วนทำให้เราเห็นคุณค่าของอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว และอยากจะรักษา อนุรักษ์สิ่งดี ๆ เหล่านี้ไว้”
งานสานรัก ผูกพัน นิจนิรันดร์ ครั้งนี้มีเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และกวีรางวัลซีไรต์ มาพูดคุยชีวิตการครองเรือนและขับกล่อมคู่หนุ่มสาวด้วยบทกวีรักบันดาลใจ และมนต์ขลังที่ว่า
‘โลกนี้คือครอบครัว… ความรักไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว โลกก็ต้องการความรัก’
เชื่อว่า ความรักของทุกครอบครัว ที่กำลังถ่ายทอดผ่านการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง จะสร้างลูกรักการอ่านได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอใคร เพราะเริ่มได้ในครอบครัว เพื่อร่วมกันสร้างโลกแห่งความรักไปพร้อม ๆ กัน
เก็บความรักมาเรียง โดย ลลิ จิตตสิงห์